SCMC CLINIC

วิธีแก้ท้องเสีย อุจจาระร่วงเฉียบพลัน เกิดจากอะไร มีวิธีรักษาอย่างไร

วิธีแก้ท้องเสีย อุจจาระร่วงเฉียบพลัน เกิดจากอะไร มีวิธีรักษาอย่างไร

อาการท้องเสียหรืออุจจาระร่วงเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย บางครั้งอาจเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ร่างกายสูญเสียน้ำ หรือถึงขั้นอ่อนเพลียจนกระทบต่อชีวิตประจำวันได้ แม้อาการส่วนใหญ่จะหายได้เองภายในไม่กี่วัน แต่หากดูแลไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้เช่นกัน

อาการท้องเสียคืออะไร

อาการท้องเสีย หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า อุจจาระร่วงเฉียบพลัน คือภาวะที่ร่างกายขับอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำมากกว่าวันละ 3 ครั้งขึ้นไป หรือถ่ายอุจจาระที่มีลักษณะผิดปกติจากเดิมอย่างชัดเจน เช่น เหลว มีเมือก หรือมีกลิ่นแรงผิดปกติ อาการมักเกิดขึ้นกะทันหันและอยู่ในช่วงเวลาสั้น ๆ ประมาณไม่เกิน 14 วัน

ถึงแม้อาการจะดูไม่รุนแรงในระยะแรก แต่หากเกิดบ่อยหรือยืดเยื้ออาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ ซึ่งเป็นอันตรายโดยเฉพาะในเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว

สาเหตุของอาการท้องเสีย

อาการท้องเสียเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากสิ่งที่เรารับประทานและสภาพร่างกายโดยรวม โดยแบ่งสาเหตุได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ คือ

1. สาเหตุจากการติดเชื้อ เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด เชื้อที่ทำให้เกิดท้องเสียมีทั้งเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และพยาธิ ตัวอย่างเช่น

เชื้อแบคทีเรีย เช่น Salmonella, E. coli, Vibrio cholerae
เชื้อไวรัส เช่น Norovirus, Rotavirus
พยาธิ เช่น พยาธิอะมีบา หรือพยาธิในลำไส้บางชนิด

ผู้ที่ติดเชื้อเหล่านี้มักมีอาการปวดท้องเกร็ง ถ่ายเหลว มีไข้ หรือคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย

2. สาเหตุอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเชื้อ บางกรณีอาการท้องเสียไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่เกิดจากพฤติกรรมหรือโรคประจำตัว เช่น

  • แพ้อาหารบางชนิด เช่น นมวัว หรืออาหารที่มีแลคโตส
  • รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือรสจัดเกินไป
  • ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือกาแฟมากเกินไป
  • ใช้ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาขับปัสสาวะ หรือยาระบาย
  • โรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น ลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือกลุ่มอาการลำไส้แปรปรวน
ท้องเสีย

อาการที่มักพบร่วมกับอาการท้องเสีย

อาการท้องเสียไม่ได้มีแค่การถ่ายเหลวเท่านั้น แต่ยังมีอาการอื่นที่ควรสังเกตเพื่อประเมินความรุนแรง เช่น
  • ปวดบิดท้องหรือเกร็งในช่องท้อง
  • คลื่นไส้ อาเจียน หรือรู้สึกเบื่ออาหาร
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • มีไข้หรือหนาวสั่น
  • ปากแห้ง คอแห้ง หรือปัสสาวะน้อย ซึ่งเป็นสัญญาณของภาวะขาดน้ำ
หากมีอาการถ่ายเป็นเลือดหรือถ่ายบ่อยเกินวันละ 10 ครั้ง ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการประเมินอย่างละเอียด

วิธีดูแลเบื้องต้นเมื่อมีอาการท้องเสีย

การดูแลตัวเองในช่วงที่มีอาการท้องเสียอย่างถูกวิธี จะช่วยให้อาการดีขึ้นและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ ระหว่างที่มีอาการท้องเสีย ร่างกายจะสูญเสียน้ำและเกลือแร่ไปพร้อมกับอุจจาระ การดื่มน้ำเปล่าบ่อย ๆ หรือดื่มน้ำเกลือแร่แบบผสมสำเร็จ (ORS) จะช่วยทดแทนของเหลวในร่างกายได้ดี
  • เลือกรับประทานอาหารอ่อนในช่วงที่มีอาการ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง รสจัด หรือย่อยยาก เช่น ของทอด นม เนื้อสัตว์ติดมัน และควรเลือกรับประทานอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม หรือกล้วยน้ำว้า
  • หลีกเลี่ยงยาระบายหรือยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็นยาบางชนิดอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะยาระบายหรือยาปฏิชีวนะที่ไม่ได้ถูกสั่งโดยแพทย์ เพราะอาจไปทำลายสมดุลของจุลชีพในลำไส้
  • พักผ่อนให้เพียงพอการพักผ่อนช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วกว่าเดิม

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

แม้อาการท้องเสียทั่วไปสามารถหายได้เองภายใน 2–3 วัน แต่หากพบสัญญาณเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์

  • ถ่ายเป็นน้ำมากหรือถ่ายเกินวันละ 10 ครั้ง
  • มีเลือดปนในอุจจาระ
  • มีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส
  • ปวดท้องรุนแรงหรือมีอาการแน่นท้องผิดปกติ
  • รู้สึกอ่อนแรงมาก ปากแห้งหรือไม่มีแรงยืน

แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ประเมินสาเหตุ และให้การรักษาเฉพาะตามอาการ เช่น ให้ยาลดอาการเกร็งท้อง ยาแก้อาเจียน หรือให้สารน้ำทดแทนในกรณีขาดน้ำรุนแรง

ป้องกันอาการท้องเสียได้อย่างไร

อาการท้องเสียส่วนใหญ่สามารถป้องกันได้ด้วยวิธีง่าย ๆ หากดูแลสุขอนามัยและอาหารอย่างถูกวิธี เช่น

  • ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
  • เลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีความเสี่ยง เช่น อาหารค้างคืนหรืออาหารริมทางที่ไม่สะอาด
  • ดื่มน้ำสะอาดและหลีกเลี่ยงน้ำแข็งที่ไม่ทราบแหล่งที่มา
  • ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดี

ความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพลำไส้และรูปร่าง

ระบบย่อยอาหารมีผลโดยตรงต่อสุขภาพโดยรวมและรูปร่าง ร่างกายที่ย่อยและดูดซึมสารอาหารได้ดีจะมีพลังงานสมดุล ส่งผลให้ไม่เกิดไขมันสะสมเกินจำเป็น การดูแลสุขภาพลำไส้จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางในกลุ่ม บริการปรับรูปร่าง ที่ช่วยให้ร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ใส่ใจสุขภาพลำไส้ เริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ ใกล้ตัว

อาการท้องเสียเป็นสัญญาณจากร่างกายที่บอกให้เราหันกลับมาดูแลสุขภาพระบบทางเดินอาหารอย่างจริงจัง การรับประทานอาหารที่สะอาด รักษาสุขอนามัย และดื่มน้ำเพียงพอ คือพื้นฐานที่ช่วยป้องกันปัญหานี้ได้ดีที่สุด และยังช่วยให้ลำไส้แข็งแรง ส่งผลต่อทั้งสุขภาพภายในและรูปร่างที่ดีในระยะยาว

ติดต่อสอบถาม SCMC Clinic Bangkok (Srisukho Clinic of Mahanakhon Center) พร้อมให้คำแนะนำและประเมินโดยแพทย์ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ติดต่อสอบถาม SCMC Clinic Bangkok (Srisukho Clinic of Mahanakhon Center) พร้อมให้คำแนะนำและประเมินโดยแพทย์ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทรศัพท์: 097 428 2999
LINE Official: @msc.skin
Facebook: MALI CLINIC Silom3 BY Doctor Gla
IG : maliclinic.silom3
Tiktok : @maliclinic.silom3
Website : https://scmcthailand.com

แนะนำให้จองล่วงหน้าเพื่อรับบริการตรงเวลา และได้รับการดูแลอย่างเต็มที่จากผู้มีประสบการณ์เฉพาะทาง

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top