ในยุคที่เวลามีค่ามากกว่าสิ่งใด การดูแลสุขภาพและรูปร่างจึงต้องการวิธีที่ทั้งสะดวก ปลอดภัย และเห็นผลได้จริง “โปรแกรมลดน้ำหนักรายสัปดาห์” จึงกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ต้องการปรับรูปร่างอย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดหรือวิธีที่เจ็บตัว
โปรแกรมลดน้ำหนักรายสัปดาห์คืออะไร?
โปรแกรมลดน้ำหนักรายสัปดาห์ เป็นการดูแลรูปร่างผ่านเทคโนโลยีทางการแพทย์ร่วมสมัย โดยมีจุดเด่นคือการกระตุ้นระบบเผาผลาญ ลดความอยากอาหาร และเพิ่มความรู้สึกอิ่มผ่านโปรแกรมดูแลรูปร่างเฉพาะบุคคลในรูปแบบที่ปลอดภัย โดยจะเป็นการให้สารกลุ่มเปปไทด์ เช่น Glucose-dependent Insulinotropic Polypeptide (GIP) และ Glucagon-Like Peptide-1 (GLP-1) ซึ่งทำงานโดยส่งสัญญาณไปยังสมองส่วนที่ควบคุมความหิว พร้อมชะลอการเคลื่อนตัวของอาหารในกระเพาะ ส่งผลให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลงอย่างเป็นธรรมชาติ โปรแกรมนี้จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น โดยจะมีการเข้าพบแพทย์สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อประเมินสภาพร่างกาย มีการติดตามการรักษาและให้คำแนะนำในการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
โปรแกรมลดน้ำหนักแบบรายสัปดาห์ ได้รับการพูดถึงในกลุ่มคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก โดยเฉพาะผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูง หรือมีภาวะน้ำหนักเกินร่วมกับโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง โดยโปรแกรมลดน้ำหนักรายสัปดาห์ จะช่วยให้มีการปรับพฤติกรรมให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
ข้อเสนอแนะ : ในหลายท่านมักจะมีโปรแกรมรับประทานร่วมด้วย เพื่อให้น้ำหนักลดได้รวดเร็ว
ใครบ้างที่เหมาะกับโปรแกรมลดน้ำหนักรายสัปดาห์?
แม้โปรแกรมนี้จะดูสะดวกและน่าสนใจ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าร่วมได้ ดังนั้นควรเริ่มต้นด้วยการปรึกษาแพทย์ก่อน โดยกลุ่มที่เหมาะสมมีดังนี้
- ผู้ที่มี BMI มากกว่า 27 ร่วมกับภาวะแทรกซ้อน เช่น เบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่มี BMI มากกว่า 30 แม้ไม่มีโรคร่วม
- ผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายแต่ไม่ประสบความสำเร็จ
- ผู้ที่มีวินัยในการปรับพฤติกรรม เช่น การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การเคลื่อนไหวร่างกาย และการนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ
- ผู้ที่สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงของการเพิ่มน้ำหนักเช่น งดการดื่มแอลกอฮอล์ กัญชา สมุนไพร หรืออาหารบางประเภทที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการรักษา
- ผู้ที่มีความพร้อมในการปฏิบัติตามข้อห้ามของทางคุณหมอกล้า (นายแพทย์ ชเนษฎ์ ศรีสุโข ว.42766 แพทย์ประจำคลินิก) อาทิเช่น การงดแอลกอฮอล์ กัญชา ยาเสพติด สมุนไพร ทุเรียน อันเป็นอาหารที่กระทบกับการรักษา ทำให้ผลการรักษาล้มเหลว ตลอดจนทำให้มีความเสี่ยงด้านหัวใจและระบบไหลเวียนเลือดได้
และผู้ที่ไม่เหมาะสมอาจรวมถึงผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีโรคบางประเภท ซึ่งควรได้รับการประเมินโดยละเอียดก่อนเข้ารับบริการ
ขั้นตอนการเข้าร่วมโปรแกรมอย่างปลอดภัย
เพื่อให้การลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด ควรปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้:
- เข้ารับการประเมินร่างกายโดยแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยในการรักษาอย่างเหมาะสม
- เริ่มต้นโปรแกรมในปริมาณที่ต่ำ เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆปรับตัว ช่วยลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้หรืออ่อนเพลีย
- บริหารโปรแกรมโดยทีมแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ และทีม Product Specialist
- เข้าพบแพทย์ เพื่อติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ โดยแพทย์จะปรับปริมาณตามการตอบสนองของร่างกาย
- ไม่ควรหยุดโปรแกรมด้วยตนเอง ต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการซื้อยาผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากอาจทำให้เกิดอันตรายหรือใช้ผิดวิธี
ข้อแนะนำ : ควรพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง อาจมีวิธีหยุดโปรแกรมอย่างปลอดภัยตามคำแนะนำของแพทย์
โปรแกรมลดน้ำหนักรายสัปดาห์ ทำงานอย่างไร
หลักการของโปรแกรมลดน้ำหนักรายสัปดาห์ คือการปรับสภาพร่างกายให้เข้าสู่ภาวะที่ควบคุมการรับประทานอาหารได้ดีขึ้น โดยตัวสารในโปรแกรมจะส่งสัญญาณไปยังสมอง ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และอิ่มได้นานขึ้น ส่งผลให้ไม่ต้องรับประทานบ่อยหรือมากจนเกินไป บางโปรแกรม เช่น Mounjaro Program และ Wegovy Program ยังช่วยชะลอการเคลื่อนตัวของอาหารในกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นกลไกที่ทำให้รู้สึกเหมือนท้องยังอิ่มอยู่ ส่งผลให้ควบคุมปริมาณการกินได้ดีขึ้นโดยไม่รู้สึกทรมาน
สำหรับโปรแกรมลดน้ำหนักรายสัปดาห์ ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่เหมาะกับคนยุคใหม่ที่ต้องการลดน้ำหนักแบบเป็นระบบ แต่การรับบริการต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้มีประสบการณ์ ไม่ควรซื้อหรือนำมาใช้เองโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ และสิ่งสำคัญที่สุดคือ การปรับพฤติกรรมการทานควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผลลัพธ์ของการลดน้ำหนักยั่งยืนในระยะยาว
ตารางแปลผลค่าดัชนีมวลกาย (BMI)
BMI คืออะไร? (Body Mass Index : BMI)
BMI หรือ ดัชนีมวลกาย (Body Mass Index) คือ ค่าที่ใช้ในการประเมินภาวะน้ำหนักตัวของบุคคลว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ โดยค่านี้คำนวณจากน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง ( เมตร) ยกกำลังสอง ตามสูตร:
ค่า BMI (kg/m²) |
เกณฑ์การประเมิน (ตามมาตรฐานเอเชีย) |
น้อยกว่า 18.5 |
น้ำหนักน้อย / ผอม |
18.5 – 22.9 |
น้ำหนักปกติ / สุขภาพดี |
23.0 – 24.9 |
น้ำหนักเกิน (เริ่มมีความเสี่ยง) |
25.0 – 29.9 |
อ้วนระดับ 1 (ปานกลาง) |
30.0 ขึ้นไป |
อ้วนระดับ 2 (เสี่ยงสูง) |
หมายเหตุ : ค่า BMI จากโปรแกรมคำนวณนี้ เป็นค่าสำหรับชาวเอเชียและคนไทย ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละเชื้อชาติ ค่า BMI เฉลี่ยของหญิงไทยคือ 24.4 และของชายไทยคือ 23.1 (อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป)
เหตุผลที่ควรเข้าร่วมโปรแกรมนี้
การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันมักเต็มไปด้วยความเร่งรีบ คนจำนวนไม่น้อยไม่มีเวลาควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การเข้าร่วมโปรแกรมลดน้ำหนักรายสัปดาห์จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะสามารถเห็นผลได้จริง และยังปลอดภัย เช่นที่ SCMC – Srisukho Clinic of Mahanakhon Center ภายใต้การดูแลของ คุณหมอชเนษฎ์ ศรีสุโข (หมอกล้า) แพทย์คุณวุฒิแพทยศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) และ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (ตจวิทยา)คุณหมอจบปริญญาโท ตจวิทยาผิวหนัง ผู้มีประสบการณ์ด้านเวชศาสตร์ความงามการชะลอวัยและการดูแลรูปร่างโดยตรง



คำถามที่พบบ่อย
โปรแกรมลดน้ำหนักเห็นผลในกี่สัปดาห์?
โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงใน 4–8 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
หากหยุดใช้แล้วจะเกิด Yoyo Effect หรือไม่?
ในอนาคต เมื่อหยุดการรักษาไป หากไม่มีการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน น้ำหนักที่อาจกลับขึ้นมาได้ โดยโอกาส 50:50 ดังนั้น นอกจากการใช้โปรแกรมลดน้ำหนักแล้ว การควบคุมพฤติกรรมการทานควบคู่กับการออกกำลังกายก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้น้ำหนักคงที่ ไม่กลับมาขึ้นได้ วิธีที่แนะนำ เช่น เดินเร็ว ออกกำลังกายระดับปานกลาง 2-3 วันขึ้นไปต่อสัปดาห์ คุมอาหาร การไม่บริโภคแอลกอฮอล์ กัญชา ยาเสพติด สมุนไพร ต่างๆ
จำเป็นต้องเข้าโปรแกรมนี้ไปตลอดชีวิตไหม?
โดยปกติสามารถเข้าร่วมโปรแกรมในระยะที่แพทย์วางแผนไว้ให้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ต่อเนื่องตลอดชีวิต เมื่อได้น้ำหนักที่พอใจ สามารถหยุดการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ได้ และสามารถกลับมาเริ่มใหม่ตามสะดวก จากงานวิจัยทางการแพทย์ การเข้าโปรแกรมอย่างต่อเนื่องไม่กระทบตับ ไต ไม่อันตราย นอกจากนั้นยังทำให้อายุยืนและส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย
การใช้โปรแกรมนี้มีผลข้างเคียงหรือไม่?
อาการทั่วไปที่อาจพบได้ในบางราย ได้แก่ คลื่นไส้ ท้องอืด หรือขาดน้ำในช่วงแรก แต่อาการจะค่อยๆลดลงเมื่อร่างกายสามารถปรับตัวได้ หากเกิดอาการมากสามารถเข้ามารับการดูแลเพิ่มเติมได้ที่คลินิก โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
กองบรรณาธิการ : นายแพทย์ชเนษฎ์ ศรีสุโข
ผู้ช่วยบรรณาธิการ: นางสาว ชญานิศ แต้นุเคราะห์, นางสาว ชลลดา สาลี, และ นางสาว กรรวี กิตติชัยดำรง