SCMC CLINIC

ปากกาลดน้ำหนัก ยาฉีดควบคุมความหิว ตัวช่วยลดโรคอ้วน

Weight Loss Pen

ปากกาลดน้ำหนัก เทคโนโลยีทางการแพทย์ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยควบคุมน้ำหนัก โดยเฉพาะการใช้ยา หรือปากกาลดน้ำหนัก ซึ่งออกฤทธิ์ช่วยลดความอยากอาหาร และส่งเสริมการเผาผลาญไขมันในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ ยาเหล่านี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากสภาพร่างกายและความต้องการของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน เพื่อให้การควบคุมน้ำหนักได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด

ปากกาลดน้ำหนักเหมาะกับใคร ?

สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างจริงจัง และมีคุณสมบัติที่เข้าเกณฑ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่ลองลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้วแต่ยังไม่เห็นผล จึงเหมาะกับ

  • ผู้ที่มีภาวะโรคอ้วน มีค่า ดัชนีมวลกาย ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป
  • ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน มีค่า ดัชนีมวลกาย ตั้งแต่ 27-29.9
  • ผู้ที่มีน้ำหนักเกินร่วมกับโรค เช่น เบาหวาน ความดัน
  • ผู้ที่เคยลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล
  • ผู้ที่ต้องการควบคุมพฤติกรรมการกิน
ภาพนี้เป็นเพียงภาพตัวอย่างการใช้ปากกาลดน้ำหนัก

ปากกาลดน้ำหนักไม่เหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีประวัติโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น มะเร็งไทรอยด์ หรือมีประวัติในครอบครัว
  • ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับตับอ่อน ตับ หรือไต
  • ผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต หรือมีประวัติภาวะซึมเศร้า
  • ผู้ที่มีภาวะแพ้ส่วนประกอบของยา

ข้อห้ามและข้อควรระวัง

ปากกาลดน้ำหนักไม่ควรใช้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ ลิรากลูไทด์ หรือส่วนประกอบอื่น ๆ ของยา รวมถึงผู้ที่มีโรคไทรอยด์บางชนิด หรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับและไต หากมีเงื่อนไขทางสุขภาพเหล่านี้ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบอย่างชัดเจนก่อนเริ่มใช้งาน

การใช้ปากกาลดน้ำหนักเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเมื่อวิธีทั่วไปอย่างการควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่เห็นผล แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่ควรซื้อมาใช้เองโดยเด็ดขาด และควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเสมอ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

กลไกการออกฤทธิ์

ตัวยาส่วนใหญ่ในปากกาลดน้ำหนัก (เช่น Liraglutide หรือ Semaglutide) เป็นสารที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนตามธรรมชาติชื่อ GLP-1 (Glucagon-like Peptide-1) โดยออกฤทธิ์ดังนี้

  • ส่งสัญญาณไปที่สมอง ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ลดความหิวและความอยากอาหาร
  • ชะลอการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะได้นานขึ้น จึงรู้สึกอิ่มได้นาน
  • กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน (เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง) จึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน

ข้อควรระวัง

ต้องได้รับการประเมินและคำแนะนำจากแพทย์ก่อนใช้เสมอห้ามใช้ในกรณี ต่อไปนี้

  • สตรีมีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
  • ผู้ที่แพ้ Liraglutide หรือส่วนประกอบของยา
  • ผู้ที่เคยมีโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิด Medullary Thyroid Carcinoma หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้
  • ผู้ที่เคยมีภาวะตับอ่อนอักเสบ

การใช้งานและการเก็บรักษา

  • ต้องฉีดยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
  • ไม่ควรใช้ปากกาหรือหัวเข็มร่วมกับผู้อื่น
  • การเก็บรักษาปากกาที่ยังไม่เปิดใช้ ควรเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2–8°C และห้ามแช่แข็ง
  • ปากกาที่เปิดใช้แล้ว สามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องได้
  • ควรใช้ควบคู่กับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

ราคาของปากกาลดน้ำหนัก

ราคาจะขึ้นอยู่กับชนิดของตัวยา ปริมาณโดสที่ใช้ และสถานพยาบาลที่เข้ารับบริการ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์หรือคลินิกโดยตรง เพื่อทราบราคาที่ชัดเจน และแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล

คำนวณค่า BMI

คำนวณดัชนีมวลกาย (BMI)

*เกณฑ์การแปลผลสำหรับคนไทย

ค่าดัชนีมวลกาย

ผลคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI) (กิโลกรัม/เมตร)การแปรผล (อยู่ในเกณฑ์)
ภาวะเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนที่มากับน้ำหนักตัว
น้อยกว่า 18.5น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ / ผอม
มีความเสี่ยงเกิดโรคขาดสารอาหาร สูง
18.5 – 22.9น้ำหนักสมส่วน / ปกติ
โอกาสการเกิดโรคแทรกซ้อน น้อยที่สุด (เป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด)
23.0 – 24.9น้ำหนักเกินมาตรฐาน / ท้วม
ภาวะน้ำหนักเกินระยะเริ่มต้น เริ่มมีโรคแทรกซ้อน เล็กน้อย
25.0 – 29.9อ้วน (โรคอ้วนระดับที่ 1)
ภาวะน้ำหนักเกินมาก มีโรคแทรกซ้อนในระยะอ้วนเริ่มต้น อันตรายระดับ 2
30.0 ขึ้นไปอ้วนมาก (โรคอ้วนระดับที่ 2/3)
ภาวะน้ำหนักเกินมากที่สุด โอกาสการเกิดโรคแทรกซ้อนอย่างโรคอ้วน สูง (ควรปรึกษาแพทย์)

โรคอ้วน ลักษณะแบบไหน

การอ้วนไม่ใช่แค่เรื่องของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการมีไขมันสะสมในร่างกายมากเกินไปจนกระทบต่อสุขภาพ เราสามารถวัดภาวะนี้ได้จาก “ดัชนีมวลกาย” หรือค่า BMI หากค่ามากกว่า 25 ถือว่าเริ่มมีน้ำหนักเกิน และหากเกิน 30 จัดว่าเป็นโรคอ้วน ลักษณะของการอ้วนมีหลายแบบ เช่น อ้วนลงพุง อ้วนทั่วตัว อ้วนส่วนบน-ล่าง และอ้วนแบบแฝง

สาเหตุการเกิดโรคอ้วน

การอ้วนเกิดจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกัน ตั้งแต่พฤติกรรมการกินและการเคลื่อนไหว ไปจนถึงปัจจัยภายในร่างกาย เช่น พันธุกรรม ฮอร์โมน รวมถึงความเครียดและการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ และยังมีบางโรคหรือภาวะทางการแพทย์ที่ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นผิดปกติได้ โดยสาเหตุการเกิดโรคอ้วนสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ได้ 5 กลุ่ม ดังนี้

  1. พฤติกรรมการใช้ชีวิต เกิดจากการกินอาหารเกินความจำเป็น ใช้พลังงานน้อย เช่น ทานอาหารที่มีแคลอรีสูง ของหวาน ของทอด ของมัน ขาดการออกกำลังกาย หรือใช้ชีวิตแบบนั่งนิ่ง ๆ
  2. พันธุกรรมและฮอร์โมน มีผลจากพันธุกรรมที่ทำให้ร่างกายสะสมไขมันได้ง่าย หรือฮอร์โมนผิดปกติ เช่น ภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ ฮอร์โมนเลปตินผิดปกติ ซึ่งควบคุมความหิวและการเผาผลาญ
  3. สภาพแวดล้อมและจิตใจ เกี่ยวกับความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการออกกำลังกาย เช่น ทำงานที่ต้องนั่งนานๆ หรือมีความเครียดสะสม
  4. โรคและผลข้างเคียงของยา เกิดจากโรคบางชนิด เช่น โรคไทรอยด์ต่ำ, โรคเบาหวาน หรือผลข้างเคียงของยาบางประเภท เช่น ยาสเตียรอยด์ ที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น
  5. วัยที่เปลี่ยนไป เมื่ออายุมากขึ้น ระบบเผาผลาญพลังงานลดลง มวลกล้ามเนื้อลดลง ทำให้น้ำหนักเพิ่มง่ายขึ้น แม้กินอาหารเท่าเดิม

ปากกาลดน้ำหนักมียี่ห้อไหนบ้าง เลือกยี่ห้อไหนดี ?

  • Saxenda® (ส่วนประกอบ Liraglutide)  เป็นยาฉีดแบบรายวัน ใช้ร่วมกับการควบคุมอาหาร + ออกกำลังกาย สำหรับผู้มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูง หรือมีโรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก
  • Wegovy® (ส่วนประกอบ Semaglutide) เป็นยาฉีดแบบรายสัปดาห์ สำหรับการจัดการน้ำหนักในผู้ที่มีอ้วนหรือมีน้ำหนักเกิน
  • Mounjaro® (ส่วนประกอบ Tirzepatide)  ปัจจุบันจดทะเบียนเพื่อเบาหวานเป็นหลัก แต่มีการศึกษาว่าอาจช่วยลดน้ำหนักได้มาก

ข้อมูลเกี่ยวกับปากกาลดน้ำหนัก

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้ปากกาลดน้ำหนัก

ปากกาลดน้ำหนัก ใช้ได้กี่เดือน

ปากกา 1 ด้ามสามารถใช้ได้ประมาณ 1–4 เดือน ขึ้นอยู่กับขนาดยาที่ใช้ในแต่ละคน และการปรับยาตามคำแนะนำของแพทย์

ปากกาลดน้ำหนักจะออกฤทธิ์เลียนแบบฮอร์โมนจากลำไส้ ช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็ว อิ่มนาน และกินได้น้อยลง

อาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ท้องผูก ท้องเสีย หรือเบื่ออาหาร แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเป็น และส่วนใหญ่จะดีขึ้นเมื่อร่างกายปรับตัวได้

ฉีดใต้ผิวหนังในบริเวณที่มีไขมัน เช่น หน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขา ห้ามฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเส้นเลือด และควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ไม่จำเป็นต้องฉีดตลอดไป

  • หยุดเมื่อไหร่? หยุดเมื่อน้ำหนักลดถึง เป้าหมายที่คุณและแพทย์กำหนดร่วมกัน

  • หยุดที่ความเข้มข้นเท่าไหร่? การหยุดยาไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “ความเข้มข้น” ของยา แต่ขึ้นอยู่กับ ผลลัพธ์การลดน้ำหนักของคุณ และการตัดสินใจของแพทย์

สำคัญที่สุด: ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยา เพื่อป้องกันน้ำหนักกลับมาเพิ่ม (โยโย่) และปรับพฤติกรรมสุขภาพควบคู่ไปด้วย

ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

  • หัตถการที่ต้องดมยาสลบ/ยานอนหลับ มักจะต้อง งดฉีด ปากกาลดน้ำหนักก่อนทำหัตถการ (อาจเป็น 1 วัน หรือ 1 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับชนิดยา)

  • เหตุผล ยาทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวช้าลง ทำให้เสี่ยงต่อการสำลักอาหารเข้าปอดระหว่างการให้ยาชา/ยาสลบ ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรง

แจ้งแพทย์และวิสัญญีแพทย์ทันทีที่คุณมีแผนจะทำหัตถการ

ปากกาลดน้ำหนัก เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการใช้เพื่อการลดน้ำหนักเท่านั้น แต่การดูแลสุขภาพตนเองอย่างเหมาะสมเพื่อทำให้น้ำหนักและรูปร่างมีผลลัพธ์ที่ดีอีกด้วย ดังนั้น ไม่ควรละเลยการออกกำลังกายและการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ นอนหลับอย่างเพียงพอ และเลี่ยงภาวะความเครียด สร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อ ทำให้เราห่างไกลจากโรคอ้วนได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามควรได้ปรึกษาแพทย์และทำความเข้าใจ ศึกษาข้อมูลหากต้องการใช้ปากกาลดน้ำหนัก

หากคุณสนใจโปรแกรมลดน้ำหนักและปากกาลดน้ำหนักหรืออยากเริ่มต้นดูแลตัวเองอย่างจริงจัง ปรึกษาเราเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย

ฟอร์มลงทะเบียนข้อมูลปรึกษา
โปรแกรมคุมน้ำหนักด้วยปากกาลดน้ำหนัก

    รีวิวจาก Google

    ติดต่อสอบถาม SCMC Clinic Bangkok (Srisukho Clinic of Mahanakhon Center) พร้อมให้คำแนะนำและประเมินโดยแพทย์ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    โทรศัพท์: 097 428 2999
    LINE Official: @msc.skin
    Facebook: MALI CLINIC Silom3 BY Doctor Gla
    IG : maliclinic.silom3
    Tiktok : @maliclinic.silom3
    Website : https://scmcthailand.com

    แนะนำให้จองล่วงหน้าเพื่อรับบริการตรงเวลา และได้รับการดูแลอย่างเต็มที่จากผู้มีประสบการณ์เฉพาะทาง

    Scroll to Top