Semaglutide คืออะไร ข้อมูลเกี่ยวกับยา
Semaglutide เป็นยาในกลุ่ม Glucagon-like peptide-1 (GLP-1) receptor agonist ซึ่งเป็นฮอร์โมนตามธรรมชาติในร่างกายที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ยาตัวนี้ใช้รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ควบคู่กับการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และยังใช้ในการควบคุมน้ำหนักในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน (BMI ≥ 30 kg/m² หรือ BMI ≥ 27 kg/m² ร่วมกับโรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก)
Semaglutide ออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นตัวรับ GLP-1 ทำให้เกิดผลต่างๆ ดังนี้
- กระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง
- ยับยั้งการหลั่งกลูคากอน (ฮอร์โมนที่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด)
- ทำให้การย่อยอาหารช้าลงและอาหารเคลื่อนผ่านกระเพาะอาหารช้าลง ทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้นและลดความอยากอาหาร
ปริมาณการใช้ยา Semaglutide
- Semaglutide มีรูปแบบการใช้ที่หลากหลาย
- แบบฉีด (, Ozempic) ฉีดใต้ผิวหนัง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- แบบรับประทาน (Rybelsus) รับประทานวันละ 1 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าอย่างน้อย 30 นาที
ปริมาณการใช้จะแตกต่างกันไปตามข้อบ่งใช้ แนะนำ
- สำหรับโรคเบาหวาน แพทย์จะเริ่มด้วยปริมาณต่ำและค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้นเพื่อลดผลข้างเคียง
- สำหรับการควบคุมน้ำหนัก แพทย์จะเริ่มด้วยปริมาณต่ำและค่อยๆ เพิ่มปริมาณยาจนถึงปริมาณการรักษาที่เหมาะสม
การใช้ Semaglutide
- ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนใช้ยาใช้ยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- แบบฉีด ฉีดเข้าใต้ผิวหนังบริเวณหน้าท้อง ต้นขา หรือต้นแขน เปลี่ยนตำแหน่งที่ฉีดในแต่ละครั้ง
- แบบรับประทาน รับประทานพร้อมน้ำเปล่า 120 มล. ก่อนอาหารเช้าหรือเครื่องดื่มใดๆ อย่างน้อย 30 นาที
คำเตือนการใช้ยา Semaglutide
- ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ยานี้
- ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติส่วนตัวหรือประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิด Medullary thyroid carcinoma (MTC)
- ห้ามใช้ในผู้ป่วยโรค Multiple Endocrine Neoplasia syndrome type 2 (MEN 2)
- ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่มีประวัติโรคตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis)
- ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่มีโรคทางเดินอาหารรุนแรง
- ควรแจ้งแพทย์หากตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ยานี้ไม่ได้ใช้รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และภาวะน้ำตาลในเลือดเป็นกรดจากเบาหวาน
- ขณะใช้ยานี้ควรระวังภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับยาเบาหวานอื่นๆ เช่น อินซูลิน
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Semaglutide
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ท้องเสีย
- ท้องผูก
- ปวดท้อง
- อาการเหล่านี้มักจะลดลงเมื่อร่างกายปรับตัวเข้ากับยา
ผลข้างเคียงที่พบไม่บ่อยแต่รุนแรง ได้แก่
- โรคตับอ่อนอักเสบ อาการ ปวดท้องอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง
- ภาวะแทรกซ้อนทางสายตาสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
- ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ อาการ เหงื่อออก, เวียนหัว, สั่น, หิว, หัวใจเต้นเร็ว
- ภาวะไตวายเฉียบพลัน
- ปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรง อาการ ผื่นลมพิษ, บวมที่ใบหน้า ลิ้น หรือลำคอ, หายใจลำบาก
- ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมไทรอยด์ (พบน้อยมาก)
หากมีอาการข้างเคียงที่รุนแรง ควรหยุดยาและรีบไปพบแพทย์ทันที
ข้อควรจำ ข้อมูลข้างต้นเป็นข้อมูลทั่วไป ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมกับแต่ละบุคคลเสมอ
หากสนใจหรือมีคำถามเกี่ยวกับโปรแกรมลดน้ำหนัก ติดต่อสอบถาม SCMC Clinic Bangkok (Srisukho Clinic of Mahanakhon Center) พร้อมให้คำแนะนำและประเมินสภาพผิวเบื้องต้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
SCMC Clinic Bangkok (Srisukho Clinic of Mahanakhon Center) พร้อมให้คำแนะนำและประเมินสภาพผิวเบื้องต้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ( โปรแกรมของเราไม่ใช่การขายยา )
- โทรศัพท์: 097 428 2999
- LINE Official: @msc.skin
- เว็บไซต์: https://scmcthailand.com
- ช่องทางอื่นๆ เช่น tiktok, line, IG, facebook ให้ทักเราเพื่อรับลิงค์เข้าชม
- Facebook : MALI CLINIC Silom 3 By Doctor Gla
- Instagram : maliclinic.silom3
- Tiktok : @maliclinic.silom3
แนะนำให้จองล่วงหน้าเพื่อรับบริการตรงเวลา และได้รับการดูแลอย่างเต็มที่จากผู้มีประสบการณ์เฉพาะทาง