การดูแลสุขภาพและรูปร่างมาแรง จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน หลายคนมีความตั้งใจจะลดน้ำหนัก ปรับสัดส่วน และสร้างหุ่นในฝันให้สำเร็จให้ได้เร็วที่สุด แต่บ่อยครั้งที่ความเร่งรีบนำมาซึ่งความผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกวิธีที่ไม่เหมาะสม การหักโหมมากเกินไป หรือมองข้ามความสำคัญของการเตรียมพร้อมของร่างกาย บทความนี้จะชวนคุณมาทำความเข้าใจว่าทำไมการตรวจสุขภาพและประเมินร่างกายก่อนเริ่มโปรแกรมปรับรูปร่างจึงเป็น ก้าวแรกที่สำคัญที่สุด จะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายได้
ทำไมต้องตรวจสุขภาพก่อนเริ่มโปรแกรมปรับรูปร่าง?
การลดน้ำหนักเป็นเรื่องง่าย ๆ แค่ควบคุมอาหารและออกกำลังกายก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริง ร่างกายของแต่ละคนมีความซับซ้อนและแตกต่างกัน การที่คน 2 คนทำตามโปรแกรมเดียวกัน อาจได้ผลลัพธ์ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง นั่นเป็นเพราะปัจจัยภายในร่างกายที่มองไม่เห็น เช่น ฮอร์โมน การทำงานของอวัยวะ และภาวะเจ็บป่วยบางอย่าง การตรวจสุขภาพก่อนเริ่มโปรแกรมจึงเป็นเหมือนการส่องกระจกเข้าไปดู ระบบภายในของตัวเอง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณพร้อมและไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดอันตราย
การตรวจสุขภาพที่แนะนำไม่ได้หมายถึงแค่การชั่งน้ำหนักเท่านั้น แต่เป็นการตรวจที่ครอบคลุม เพื่อให้เห็นภาพรวมที่สมบูรณ์ของสุขภาพ ได้แก่
- ตรวจวัดองค์ประกอบร่างกาย (Body Composition Analysis) คือ หัวใจสำคัญของการประเมินร่างกาย เพราะมันจะบอกเราได้มากกว่าแค่น้ำหนักตัว เครื่องมือเช่นเครื่อง InBody หรือ BIA (Bioelectrical Impedance Analysis) จะช่วยวัดปริมาณกล้ามเนื้อ มวลไขมัน มวลกระดูก และน้ำในร่างกายได้ ทำให้คุณทราบว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากอะไรกันแน่ และสามารถตั้งเป้าหมายได้อย่างแม่นยำขึ้น เช่น แทนที่จะบอกว่า “อยากลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัม” คุณอาจตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้นเป็น “อยากลดไขมัน 3 กิโลกรัม และเพิ่มกล้ามเนื้อ 2 กิโลกรัม”
- ตรวจเลือดและปัสสาวะ การตรวจนี้จะช่วยให้คุณทราบถึงค่าสำคัญต่าง ๆ เช่น ระดับน้ำตาลในเลือด (สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นเบาหวาน) ระดับไขมันในเลือด (คอเลสเตอรอล, ไตรกลีเซอไรด์) การทำงานของตับและไต ซึ่งหากมีค่าผิดปกติ การออกกำลังกายบางประเภทหรือการจำกัดอาหารที่เข้มงวดอาจไม่เหมาะสม
- ตรวจวัดความดันโลหิตและชีพจร สำหรับผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่หนักเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงได้ การทราบค่าพื้นฐานของตัวเองจะช่วยให้เลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสมและปลอดภัย
- ตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจในครอบครัว หรือผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาก การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG/ECG) หรือการทดสอบสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test) จะช่วยประเมินความพร้อมของหัวใจก่อนเริ่มโปรแกรมออกกำลังกายที่หนักขึ้นได้
- ตรวจหาภาวะขาดสารอาหารหรือภาวะเจ็บป่วยแฝง เช่น ภาวะขาดวิตามินหรือแร่ธาตุบางชนิด หรือภาวะไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
การทราบข้อมูลเหล่านี้ก่อนจะทำให้การวางแผนการออกกำลังกายและโภชนาการได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่แค่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการดูแลสุขภาพองค์รวม
รู้จักตัวเองก่อนเริ่มต้น ประเมินร่างกาย
หลังจากตรวจสุขภาพแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการประเมินร่างกายอย่างละเอียด โดยปกติแล้วจะมีผู้ประเมิน เช่น นักโภชนาการ นักกายภาพบำบัด หรือเทรนเนอร์ที่ได้รับการรับรอง เป็นผู้ช่วยประเมินให้ เพื่อให้โปรแกรมที่วางแผนนั้นตอบโจทย์เฉพาะบุคคลมากที่สุด การประเมินประกอบด้วย
- ประเมินพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน การปรับรูปร่างไม่ได้จำกัดแค่ในยิม แต่เริ่มตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ประเมินจะสอบถามถึงตารางการนอน การทำงาน ระดับความเครียด และกิจกรรมที่ทำเป็นประจำ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยออกแบบโปรแกรมที่สามารถเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณได้จริง และไม่ก่อให้เกิดความเครียดมากเกินไป
- ประเมินพฤติกรรมการกิน “คุณกินอะไรเข้าไป” คือ คำถามสำคัญ เพราะอาหาร คือเชื้อเพลิงหลักของร่างกาย การประเมินพฤติกรรมการกินจะช่วยให้ทราบถึงนิสัยการกินที่อาจเป็นปัญหา เช่น ชอบของหวานมากเกินไป ดื่มน้ำน้อย หรือมื้ออาหารไม่เป็นเวลา ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปปรับให้เหมาะสมกับโปรแกรมโภชนาการที่จะวางแผนให้
- ประเมินความสามารถในการออกกำลังกายและจุดอ่อนของร่างกาย การที่คนเราสามารถออกกำลังกายได้ต่างกัน ส่วนหนึ่งมาจากความยืดหยุ่น ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และข้อต่อที่แตกต่างกัน ผู้ทำการประเมินจะทำการทดสอบง่าย ๆ เช่น การลุก-นั่ง (Squat), การวิดพื้น (Push-up) หรือการยืดเหยียด เพื่อประเมินว่าคุณมีความแข็งแรงระดับไหน และมีข้อจำกัดด้านใดบ้าง เช่น หากมีอาการปวดเข่า การออกกำลังกายที่ต้องกระโดดหรือวิ่งหนัก ๆ อาจไม่เหมาะสม
การประเมินที่ละเอียดนี้จะช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายผิดท่า หรือการเลือกโปรแกรมที่หนักเกินกำลังจนทำให้ท้อแท้ไปเสียก่อน นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณตั้งเป้าหมายที่สมเหตุสมผลและสามารถทำได้จริง
การตัดสินใจที่จะเริ่มโปรแกรมปรับรูปร่างเป็นเรื่องที่ดี แต่การจะทำให้โปรแกรมนั้นประสบความสำเร็จและไม่ทำร้ายร่างกายนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำเล่น ๆ ได้ การตรวจสุขภาพและประเมินร่างกายก่อนเริ่มโปรแกรมจึงเป็นเหมือน “การลงทุน” ครั้งสำคัญ ที่จะทำให้คุณได้รู้จักร่างกายของตัวเองอย่างแท้จริง ได้รับคำแนะนำจากผู้ที่มีความรู้ และได้โปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ ซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย
จำไว้ว่าการเดินทางสู่การมีรูปร่างที่ดีและสุขภาพแข็งแรงไม่ใช่การแข่งขันกับใคร แต่เป็นการแข่งขันกับตัวเอง และการเริ่มต้นที่ถูกต้องคือการก้าวที่มั่นคงที่สุด
หากคุณสนใจที่จะเริ่มโปรแกรมอย่างปลอดภัย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมก่อนเสมอ
ติดต่อสอบถาม SCMC Clinic Bangkok (Srisukho Clinic of Mahanakhon Center) พร้อมให้คำแนะนำและประเมินโดยแพทย์ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- โทรศัพท์: 097 428 2999
- LINE Official: @msc.skin
- Facebook : MALI CLINIC Silom 3 By Doctor Gla
- Instagram : maliclinic.silom3
- Tiktok : @maliclinic.silom3
- Website: https://scmcthailand.com
แนะนำให้จองล่วงหน้าเพื่อรับบริการตรงเวลา และได้รับการดูแลอย่างเต็มที่จากผู้มีประสบการณ์เฉพาะทาง