เวลาที่เราลดน้ำหนักแบบหักโหม เช่น อดอาหารหรือออกกำลังกายหนัก น้ำหนักอาจลดลงเร็วในช่วงแรก ทำให้รู้สึกดีใจ แต่ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา น้ำหนักมักกลับขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นคือที่มาของ “โยโย่เอฟเฟกต์” ซึ่งเกิดจากวิธีลดน้ำหนักที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้ระบบเผาผลาญและรูปร่างเสียสมดุลในระยะยาว ทำให้ลดน้ำหนักได้ยากขึ้นและน้ำหนักขึ้น-ลงซ้ำ ๆ การลดน้ำหนักอย่างยั่งยืนจึงควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป และรักษาสมดุลของร่างกายให้ดีด้วย
Yoyo Effect คืออะไร
Yoyo Effect คือภาวะที่น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงหนึ่ง แต่กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน มักเกิดจากการลดน้ำหนักแบบสุดโต่ง เช่น กินแคลอรีต่ำมาก กินคลีนอย่างเข้มงวดโดยไม่มีแผนระยะยาว หรือใช้ยาลดน้ำหนักโดยไม่มีคำแนะนำที่ถูกต้อง เมื่อร่างกายได้รับพลังงานน้อยเกินไป ระบบเผาผลาญจะชะลอลง และเมื่อเลิกลดน้ำหนัก ร่างกายจะเก็บสะสมพลังงานมากขึ้น ส่งผลให้น้ำหนักขึ้นเร็วเหมือนเดิม
Yoyo Effect เกิดจากอะไร
เวลาที่เราอดอาหาร ร่างกายไม่ได้เข้าใจว่าเรากำลังลดน้ำหนัก แต่คิดว่าเรากำลังขาดอาหาร จึงเข้าสู่สภาวะเสี่ยง ระบบเผาผลาญจะช้าลง เพื่อประหยัดพลังงานไว้ใช้ในอนาคต
เมื่อเรากลับมากินอาหารตามปกติหรือเผลอกินมากขึ้น ร่างกายที่อยู่ในโหมดกักเก็บไขมันจะสะสมไขมันเพิ่มทันที ทำให้น้ำหนักพุ่งกลับขึ้นเร็ว ต่างจากตอนที่เราต้องใช้เวลาและความพยายามมากกว่าจะลดได้
ผลกระทบจาก Yoyo Effect
- ระบบเผาผลาญช้าลง ทำให้ลดน้ำหนักในรอบถัดไปยากขึ้น
- กล้ามเนื้อลดลง ขณะที่ไขมันกลับมาเพิ่ม เพราะร่างกายดึงกล้ามเนื้อไปใช้ก่อนเวลาลดน้ำหนักเร็ว
- สมดุลฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวและอิ่ม เช่น Leptin และ Ghrelin เปลี่ยนไป ทำให้รู้สึกหิวบ่อยแม้จะอิ่มแล้ว
- สุขภาพจิตแย่ลง รู้สึกท้อแท้และล้มเหลวกับการลดน้ำหนัก
ลดน้ำหนักยังไงไม่ให้เกิด Yoyo Effect?
- ลดน้ำหนักช้าๆ ปลอดภัยคือ 0.5–1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายปรับตัวได้
- เน้นลดไขมัน ไม่ใช่น้ำหนักตัวรวม ดูสัดส่วนหรือค่ามวลร่างกายช่วยประเมิน
- กินอาหารครบทุกหมู่ ไม่อดอาหารแบบสุดโต่ง เพื่อป้องกันอาการตบะแตก
- ออกกำลังกายอย่างสมดุล เน้นความสม่ำเสมอ เช่น เดิน ว่ายน้ำ หรือเวทเทรนนิ่งเบาๆ
- ถ้ามีโรคประจำตัวหรือเคยโยโย่มาแล้วหลายครั้ง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพราะร่างกายอาจต้องการการดูแลเฉพาะทาง เช่น
- การใช้ยาเพื่อช่วยควบคุมความอยากอาหารหรือเพิ่มการเผาผลาญ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำวิธีที่เหมาะสมกับคุณครับ
Yoyo Effect ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขบนตราชั่งเท่านั้น แต่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณกำลังหักโหมมากจนร่างกายรับไม่ไหว ถ้าอยากลดน้ำหนักให้เห็นผลแบบระยะยาว ไม่ควรจะทำแบบเร่งรีบ ควรลดแบบค่อยเป็นค่อยไป และเข้าใจการทำงานของร่างกายตัวเองด้วยนะ ถ้าคุณเคยโยโย่มาก่อน อย่ารู้สึกผิดกับตัวเอง เพราะคุณไม่ได้ล้มเหลว แต่อาจแค่ยังไม่เจอวิธีลดน้ำหนักที่เหมาะกับคุณเท่านั้นเอง